ยางรถยนต์เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของรถยนต์ ที่ทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักและยึดเกาะถนน เราจึงควรหมั่นดูแลรักษายางรถยนต์อยู่เป็นประจำ โดยคอยสังเกตสัญญาณเตือนว่ายางเสื่อมสภาพหรือไม่ เพื่อการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ยางรถยนต์ ส่วนประกอบสำคัญของรถที่หลายคนอาจมองข้าม
ยางรถยนต์ เป็นชิ้นส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ทำให้ต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ความร้อน ความชื้น ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ยางเสื่อมสภาพ เช่น ยางอ่อนตัว แตกลายงา เกิดรอยขูดขีด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะกับพื้นถนนลดลง และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ยางรถยนต์ที่มีคุณภาพ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
- เพราะยางล้อรถมีหน้าที่รับน้ำหนักของรถยนต์และผู้โดยสาร รวมถึงสัมภาระต่าง ๆ ที่บรรทุกอยู่ด้วย
- ช่วยในการยึดเกาะถนน และบังคับทิศทางของรถขณะขับขี่
- ช่วยควบคุมการทรงตัวของรถขณะขับขี่
- ช่วยลดแรงกระแทก และการสั่นสะเทือนจากพื้นถนน
- ช่วยในการหยุดรถ ชะลอรถ ขณะขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
รู้ทันปัญหายางรถยนต์เสื่อม
1. ตรวจสอบอายุการใช้งานของยาง
ยางรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 4-5 ปี (นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน) หรือ 50,000 – 80,000 กิโลเมตรขึ้นไป เพราะฉะนั้น หากใช้ยางรถยนต์มาเกินกำหนดระยะเวลา ควรนำไปตรวจสภาพและเปลี่ยนยางรถยนต์ก็จะปลอดภัยที่สุด
2. ตรวจสอบดอกยาง
ดอกยาง มีหน้าที่ช่วยรีดน้ำให้กระจายออกไปรอบ ๆ ขณะขับขี่บนถนนเปียก และช่วยยึดเกาะบนถนนแห้ง ทำให้รถเคลื่อนตัวได้ดียิ่งขึ้น แต่หากยางสึกหรอ จนเหลือดอกยางน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร แสดงว่ายางหมดอายุและไม่ควรใช้งานต่อ
วิธีตรวจสอบดอกยาง : ใช้เหรียญบาทวางบนร่องดอกยาง หากเส้นขอบของเหรียญบาทสัมผัสกับขอบของดอกยางแสดงว่าดอกยางสึกหรอจนเหลือน้อยเกินไป
3. ตรวจสอบรอยแตกหรือรอยบาด
รอยแตกหรือรอยบาดลึกบนยาง เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่แสดงว่ายางเริ่มเสื่อมสภาพ แต่หากเจอรอยที่เห็นลึกถึงโครงสร้างอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการโดยด่วน
4. ตรวจสอบยางบวมหรือมีรอยปริ
หากยางรถยนต์บวมหรือมีรอยปริในบริเวณแก้มยางหรือดอกยาง แสดงว่ายางเสื่อมสภาพต้องรีบเปลี่ยนทันที หากใช้งานต่ออาจเกิดการระเบิดได้
นอกจากการดูยางรถยนต์เบื้องต้นด้วยการสังเกตแล้ว ยังควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กสภาพอย่างสม่ำเสมอด้วย
วิธีการดูยางรถยนต์หมดอายุ
สำหรับยางเก่าเก็บจะมีอายุ ประมาณ 2-3 ปีหลังจากผลิต โดยสามารถดูวันที่ผลิตยางได้จากตัวเลข 4 ตัว (WWYY) ที่บริเวณแก้มยางด้านนอก ซึ่งตัวเลข 2 ตัวแรกจะบอกถึงสัปดาห์ที่ยางนั้นถูกผลิต ส่วนตัวเลข 2 หลักด้านหลังจะบอกปี ค.ศ. ที่ยางถูกผลิตขึ้น
ตัวอย่าง : รหัสเลขยาง 4 หลักคือ 0523 แสดงว่ายางเส้นนี้ถูกผลิตขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 5 ของปี 2023
เพิ่มเติม : ยางรถยนต์เก่าเก็บ หรือยางค้างปีที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน หากเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม สามารถนำมาใช้งานได้ โดยมีคุณภาพเทียบเท่ายางใหม่ที่เพิ่งผลิตในปีนั้น
10 วิธีดูแลยางรถยนต์ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
- ขับขี่รถยนต์อย่างนุ่มนวล เช่น การเปลี่ยนเกียร์ การเบรก การเร่งเครื่องและการเข้าโค้ง
- ตรวจสอบสภาพถนนและสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ
- ตรวจสอบ และเติมลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง
- รักษาระดับความดันลมยางอย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบความสึกของล้อแต่ละจุดเสมอ
- สลับยางทุก ๆ 10,000-12,000 กิโลเมตร หรืออย่างน้อยปีละครั้ง
- สังเกตสัญญาณต่าง ๆ บนยาง เช่น รอยแตก รอยปริ แก้มยาง รวมถึงความสึกของดอกยางว่ายังอยู่ในมาตรฐานหรือไม่
- ตั้งศูนย์ถ่วงล้อเป็นประจำทุกปีหรือทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
- จัดเก็บยางอะไหล่ หรือยางที่ยังไม่ได้ใช้งานไว้ในบริเวณที่แห้ง เย็น และมืด
- หมั่นทำความสะอาดยางบ่อย ๆ หรือทุกครั้งที่มีความสกปรกเกิดขึ้น
การบำรุงรักษายางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ มองหายางรถยนต์คุณภาพดี สามารถมาปรึกษากับเราได้ที่ MMS Bosch Car Service เราเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและคุณภาพยานยนต์อันดับหนึ่งของโลก จากประเทศเยอรมนี มีบริการเปลี่ยนยางรถยนต์และซ่อมบำรุงที่ได้มาตรฐาน เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ปรึกษาเราที่ MMS Bosch Car Service สาขาใกล้บ้านคุณ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 1396
ข้อมูลอ้างอิง:
- 8 วิธีดูแลยางรถยนต์ให้ยืนยาว. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จาก https://www.fordrma.com/8-way-to-take-care-tire/